วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

ทับทิม สมุนไพรบำรุงเลือด

ทับทิม ผลไม้ สมุนไพรบำรุงเลือด

      ผลการวิจัยในสหรัฐพบว่า ทับทิมสามารถรักษาผู้ป่วยเบาหวานได้ด้วยคุณสมบัติช่วยกักเก็บเซลล์เม็ดเลือดแดง โดยให้ผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 10 คนดื่มน้ำทับทิมคั้นสดวันละ 1 แก้ว (6 ออนซ์) เป็นเวลา 3 เดือน ผลคือร่างกายมีระดับอินซูลินในกระแสเลือดลดลง ระบบไหลเวียนโลหิตเป็นปกติขึ้น อาการมึนงง อ่อนเพลีย และผมร่วงลดลง อีกทั้งผิวพรรณก็สดใสขึ้นกว่าเดิม

สตรอว์เบอร์รี่สมุนไพรบำรุงเลือด

สตรอว์เบอร์รี่สมุนไพรบำรุงเลือด

          ด้วยคุณสมบัติของวิตามินซีที่อุดมอยู่ในผลสตรอว์เบอร์รี ช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดง เมล็ดเล็ก ๆ ที่อยู่ในเนื้อสตรอว์เบอร์รีช่วยลำเลียงออกซิเจนในกระบวนการขจัดเลือดเสีย จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Chemistry พบว่าอาสาสมัครผู้บริโภคสตรอว์เบอร์รีสดทุกวันประมาณ 2 ถ้วยตวงติดต่อกันนาน 1 เดือน มีผลการตรวจเลือดพบว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นอย่างเป็นปกติมากขึ้นคือ 4, 8, 12, 16 เซลล์จึงส่งผลให้ผิวพรรณภายนอกดูเรียบเนียนเปล่งปลั่งขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แก้วมังกรสมุนไพรบำรุงเลือด

แก้วมังกรสมุนไพรบำรุงเลือด 

          อุดมด้วยโปรตีนจึงช่วยเติมร่องรอยผิวให้ดูเรียบตึง ผลการวิจัยพบว่า แก้วมังกรเนื้อแดงดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต และมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือด นอกจากนี้ไฟเบอร์ในผลแก้วมังกรยังช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงบริเวณช่องคลอด บรรเทาอาการตกขาวที่ผิดปกติ (มีสีเหลืองปนหนอง ปนเลือดและมีกลิ่นเหม็น)

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แตงโมสมุนไพรบำรุงเลือด

แตงโมสมุนไพรบำรุงเลือด

          จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเนราดาในสหรัฐเผยว่า หากบริโภคแตงโมเพียงครึ่งผลต่อวันดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต เพราะกรดอะมิโนอาร์จีโนน์ (Arginine) ที่ร่างกายเปลี่ยนให้เป็นสารในตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ทำให้เลือดสมบูรณ์ขึ้นถึงร้อยละ 22 จึงช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะหลอดเลือดแข็งตัว

          ไม่ใช่แค่ธาตุเหล็กและโปรตีนเพียงเท่านั้นที่จะช่วยให้อวัยวะภายในของเราผลิตเลือดได้อย่างเป็นปกติ แต่ยังมีวิธีที่ง่าย ๆ อีกสองสิ่งคือ การดื่มน้ำเปล่าให้บ่อยครั้งในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้เลือดของเราไม่มีลักษณะข้นเหนียวจนเกินไปด้วย นอกจากนี้ยังต้องทำกายบริหารทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนอยู่ตลอด เพียงเท่านี้ก็ช่วยปกป้องร่างกายของเราให้ห่างไกลปัญหาสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้แล้ว
เครดิต บทความจาก
http://health.kapook.com/view32831.html

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กล้วยสมุนไพรบำรุงเลือด

กล้วยสมุนไพรบำรุงเลือด

          ด้วยคุณสมบัติของแร่ธาตุแมกนีเซียมที่อุดมอยู่ในกล้วย ช่วยบำรุงผิวที่ขาวซีดให้กลับมาเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน American Journal of Epidemiology เผยว่าการบริโภคกล้วยเป็นประจำทุกวันส่งผลต่อสุขภาพเลือดคือ ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) โดยเฉพาะในเด็กช่วงอายุ 0-2 ปี

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อาหาร ที่ มี ธาตุ เหล็กสมุนไพรบำรุงเลือด

อาหาร ที่ มี ธาตุ เหล็กสมุนไพรบำรุงเลือด
ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ถ้าร่างกายของเราขาดธาตุเหล็กก็จะทำให้เป็นโรคโลหิตจางและทำให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อในร่างกายและสมองได้น้อยลง เซลล์ต่างๆในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์สมองจึงเจริญเติบโตได้น้อย สมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายและการเรียนรู้จึงไม่ได้รับการพัฒนา ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอและเรียนรู้อะไรได้ช้า และทำให้ความฉลาดและความจำลดลง ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เด็กๆ ทุกคนไม่อยากให้เป็นใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นจึงควรกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงซึ่งมาจาก 2 แหล่ง คือ

ธาตุเหล็กที่มาจากเนื้อสัตว์ ทั้งหมู ไก่ กุ้ง หอยชนิดต่างๆ ปลา ไข่ ตับ
ธาตุเหล็กที่มาจากพืช ได้แก่ ถั่วชนิดต่างๆ ลูกเดือย งา พริกหวาน พริกยักษ์ ยอดกระถิน ดอกโสน ต้นหอม มะเขือพวง ใบขี้เหล็ก มะเขือเทศ ผักกาดหอม ฟักทอง มันเทศ เผือก และลูกพรุน

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หญิงตั้งครรภ์สมุนไพรบำรุงเลือด

หญิงตั้งครรภ์สมุนไพรบำรุงเลือด
หญิงตั้งครรภ์ ต้องรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กให้เพียงพอทุกวัน ธาตุเหล็กเป็นเกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต การขาดธาตุเหล็กจะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง (โรคซีด) จากสถิติขององค์การอนามัยโลก พบว่าทั่วโลกมีผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางประมาณ ร้อยละ 30

สำหรับประชากรในประเทศที่กำลังพัฒนา สถิติของคนเป็นโรคโลหิตจางจะมีมากกว่านี้ โรคนี้พบมากในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ประมาณร้อยละ 50 ของหญิงตั้งครรภ์ทั่วโลกจะเป็นโรคโลหิตจางในระหว่างตั้งครรภ์ ความต้องการธาตุเหล็กจะเพิ่มขึ้นเนื่องจาก ทารกมีการเจริญเติบโตและรกก็โตขึ้นด้วย ขณะเดียวกันปริมาตรเลือดของแม่จะเพิ่มขึ้น หญิงตั้งครรภ์โดยทั่วไปจะมีธาตุเหล็กในร่างกายไม่เพียงพอ ดังนั้นความต้องการที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ประกอบกับการได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดโรคโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งเห็นได้จากระดับฮีโมโกลบินในเลือดต่ำกว่าปกติ

หญิงตั้งครรภ์ที่มีระดับฮีโมโกลบินในเลือดต่ำกว่า 11.0 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะมีประสิทธิภาพในการทำงานและการทำงานของ สมองลดลง อีกทั้งทำให้ความต้านทานต่อโรคต่ำ โดยเฉพาะใน ระหว่างคลอดลูกจะมีการสูญเสียเลือด หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะโลหิตจางจะมีปัญหาและบางรายอาจถึงตายเพราะเสียเลือดมาก ซึ่งจะพบใน รายที่มีระดับฮีโมโกลบินในเลือดต่ำกว่า 8.0 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร

ส่วนทารกที่คลอดจากแม่ที่เป็นโรคโลหิตจาง จะมีน้ำหนักแรก เกิดต่ำกว่าปกติซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยและการตายของทารก

เพื่อคุณภาพชีวิตของแม่และลูก หญิงตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารที่มีเหล็กให้เพียงพอ เช่น ตับ เลือด เนื้อสัตว์ ไก่ ปลา ผักสี เขียวเข้ม (ร่างกายจะดูดซึมเหล็กที่มีอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้ดี กว่าเหล็กที่มีในอาหารประเภทพืชผัก) และอย่าลืมรับประทานยาเม็ดธาตุเหล็กที่แพทย์ให้เมื่อท่านไปรับการตรวจครรภ์


http://www.healthcarethai.com/

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กระดังงาสมุนไพรบำรุงเลือด

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กระดังงากระดังงาสมุนไพรบำรุงเลือด
กระดังงาเป็น สมุนไพร พืชที่ดอกมีกลิ่นหอม ซึ่งแฝงไปด้วยประโยชน์ต่างๆ มากมาย โดยสรรพคุณของกระดังงา เช่น เป็นยาบำรุงธาตุ เป็นยาชูกำลัง ยาบำรุงเลือด ยาบำรุงหัวใจ แก้ไข้จากอาการเลือดเป็นพิษ แก้การเวียนหัว แก้จุกเสียดแน่นหน้าอก บำรุงประสาท แก้อาการซึมเศร้า ลดความดันเลือด แก้หอบหืด ช่วยขับลม ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาฆ่าเชื้อโรค แก้ท้องเสีย ช่วยขับปัสสาวะ เป็นต้น

กระดังงาหรือกระดังงาไทย เป็นไม้ยืนต้นในตระกูลเดียวกับน้อยหน่าและการเวก ภาษาอังกฤษ เรียก Ylang-ylang มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cananga odorata (Lamk.) Hook.f. et Th. ชื่ออื่นของกระดังงา เช่น สะบันงา สะบันงาต้น สะบานงา กระดังงาใบใหญ่ กระดังงาใหญ่ กระดังงอ กระดังงา กระดังงามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เอเซียเขตร้อนในแถบของประเทศฟิลิปปินส์และประเทศอินโดนีเซีย

ต้นกระดังงา เป็นไม้ยืนต้น ที่มีความสูงประมาณ 15 เมตร ลักษณะของต้นเป็นพุ่ม สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบเป็นรูปรี เปลือกต้นกระดังงาจะเกลี้ยงมีสีเทา ดอกของกระดังงาออกเป็นช่อ เป็นกระจุก ออกตามซอกใบ สีเหลือง มีกลิ่นหอม ผลของกระดังงา ออกเป็นกลุ่ม ดอกมีกลิ่นหอม กระดังงา สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด และสามารถตอนกิ่งได้แบบไม้ยืนต้นทั่วไป

สรรพคุณของกระดังงา สามารถใช้ได้ทุกส่วนโดยเฉพาะดอกของกระดังงาสามารถนำมาสกัดทำน้ำมันหอมระเหย ได้ รายละเอียดการใช้ประโยชน์ต้นกระดังงามี ดังนี้

ดอกกระดังงา สามารถนำมาใช้เป็น ยาบำรุงธาตุ เป็นยาชูกำลัง ยาบำรุงเลือด ยาบำรุงหัวใจ แก้ไข้จากอาการเลือดเป็นพิษ แก้การเวียนหัว แก้จุกเสียดแน่นหน้าอก
น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากดอกกระดังงา สามารถนำมาบำรุงประสาท แก้อาการซึมเศร้า ลดความดันเลือด แก้หอบหืด ช่วยขับลม ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาฆ่าเชื้อโรค
เปลือกและต้นกระดังงา สามารถนำมาใช้แก้ท้องเสีย ช่วยขับปัสสาวะ

กระดังงาเป็นสมุนไพรบำรุงหัวใจ เลือด และระบบประสาท

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อาหารบำรุงเลือด แก้โลหิตจางโดยเฉพาะ

อาหารบำรุงเลือด แก้โลหิตจางโดยเฉพาะ
         แนวทางการรักษาโลหิตจางประกอบด้วยการรักษาทั่วไป การให้ยาตามอาการแสดง รวมทั้งการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารบำรุงเลือด ซึ่งเป็นวิธีบำบัดรักษาที่ได้ผลอย่างมากโดยเฉพาะในระยะยาว และแน่นอนวันนี้เราได้นำข้อมูลเกี่ยวกับอาหารบำรุงเลือด สำหรับผู้ป่วยโลหิตจางโดยเฉพาะ มาให้ได้ทราบกัน
         1.ข้าวเสริมธาตุเหล็ก ได้แก่ ข้าวหอมนิล และข้าวสายพันธุ์ 313 ปรากฏว่า ร่างกายสามารถดูดซับธาตุเหล็กได้ 6-20% สำหรับข้าวเสริมธาตุเหล็กแบบไม่ขัดสี และร้อยละ 17-50 สำหรับข้าวขัดสี ทั้งนี้ จะต้องรับประทานกับอาหารอื่นๆที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น แกงส้ม น้ำพริกมะขาม เป็นต้น
         2.ตับลูกวัว ซึ่งพบว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับผู้มีภาวะโลหิตจาง เนื่องจากประกอบด้วยธาตุเหล็กและวิตามินบีในปริมาณสูง ซึ่งสามารถใช้ได้กับผู้มีภาวะโลหิตจางทุกประเภท
ผักสีเขียวเข้ม จัดเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้มีภาวะโลหิตจางเช่นกัน เนื่องจากเป็นแหล่งของธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และคลอโรฟิลล์ (คลอโรฟิลล์เป็นสารที่มีโมเลกุลคล้ายกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง)
         จะเห็นได้ว่าอาหารที่ผู้มีภาวะโลหิตจางควรรับประทานก็คือ อาหารที่ให้ “ธาตุเหล็ก” สูง ซึ่งนอกจากสารอาหารอย่างธาตุเหล็กแล้วยังควรได้รับโปรตีนมากๆ ซึ่งมีมากใน  ตับ ไต เนื้อสัตว์ เมล็ดธัญพืช เช่น ถั่ว งา เมล็ดฟักทอง ลูกเดือย เป็นต้น ก็จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น ห่างไกลภาวะโลหิตจางแน่นอน

http://www.beauty24store.com/

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สาเหตุที่ทำให้โลหิตจาง

สาเหตุที่ทำให้โลหิตจาง
         1.โลหิตจางจากการสูญเสียเลือด โดยจะมี 2 กรณี คือ มีเลือดออกจากทางเดินอาหารซึ่งจะเห็นเป็นถ่ายอุจจาระมีเลือดปนหรือถ่ายดำ แต่ถ้าออกครั้งละน้อยๆ แต่ออกบ่อยอาจไม่เห็นว่าถ่ายอุจจาระมีเลือดปนหรือถ่ายดำ แต่จะมีโลหิตจางได้ โรคที่ทำให้ถ่ายมีเลือดปนที่พบบ่อย ได้แก่ โรคกระเพาะอาหาร โรคริดสีดวงทวาร โรคหลอดเลือดโป่งพอง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น สาเหตุที่พบบ่อยอีกอย่างคือ การรับประทานยาแก้ปวดแก้เมื่อยเป็นประจำแล้วยาระคายกระเพาะอาหารทำให้อักเสบ มีแผล เกิดเลือดออกได้
         อีกกรณีจะเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงคือ การเสียเลือดจากมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ถ้าถึงวัยหมดประจำเดือนแล้วมีเลือดออกทางช่องคลอด ต้องรีบไปตรวจทันทีเนื่องจากอาจเกิดจากโรคมะเร็งได้
         2.โลหิตจางจากการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะผู้สูงอายุบางรายที่อาจรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่เบื่ออาหาร มีโรคประจำตัวบางอย่าง เลือกรับประทานอาหาร หรือปัญหารายได้ไม่เพียงพอ อาจทำให้โลหิตจางได้
         3.โลหิตจางจากโรคเรื้อรัง เช่น ไตวาย โรคตับ ข้ออักเสบ เป็นต้น ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดได้น้อยกว่าปกติ จึงทำให้อยู่ในภาวะโลหิตจางในที่สุด
         4.โรคอื่นๆ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคไขกระดูกเสื่อม เป็นต้น เราจึงขอแนะนำสมุนไพรอื่นๆ ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท


สมุนไพรบำรุงเลือด 

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ฝาง ฝางส้มสมุนไพรบำรุงเลือด

ฝาง ฝางส้มสมุนไพรบำรุงเลือด

รูปลักษณะ : ฝาง เป็นไม้พุ่ม สูง 5-8 เมตร มีหนามทั่วไป ใบ ประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ หรือรูปขอบขนาน กว้าง 0.6-0.8 ซม. ยาว 1.5-1.8 ซม. โคนใบเฉียง ดอกช่อ ออกที่ซอกใบตอนปลายกิ่งหรือที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีเหลือง ผล เป็นฝักแบน สีน้ำตาล

สรรพคุณของ ฝาง : แก่น ใช้แก่นเป็นยาขับระดู บำรุงเลือด แก้ปอดพิการ ขับเสมหะ น้ำต้มแก่น ใช้แต่งสีแดงของน้ำอุทัย และแต่งสีขนมหวานต่างๆ สารที่มีสีแดงคือ Brazilin

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แกแลสมุนไพรบำรุงเลือด

แกแลสมุนไพรบำรุงเลือด 
รูปลักษณะ : แกแล เป็นไม้พุ่ม สูง 5-10 เมตร มียางขาว ใบเดี่ยว เรี่ยงสลับ เวียนรอบกิ่งรูปวงรี กว้าง 1-3.5 ซม. ยาว 2- 9 ซม. มีหนามแหลมออกตรงซอกใบ 1 อัน ยาวประมาณ 1 ซม. ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ แยกเพศ อยู่คนละต้น รูปกลม ผล เป็นผลรวม

ผลแกแล ผลเป็นผลรวม ผลมีลักษณะกลม ผิวผลขรุขระ ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร มียางสีขาว ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็ก

แก่นหรือเนื้อไม้ใช้ทำเป็นสีสำหรับย้อมผ้า ผ้าไหม ไหมพรม ฝ้าย จีวรพระ โดยจะให้สีเหลือง


สรรพคุณของ แกแล : แก่น ใช้แก่นแก้ไข้รากสาด แก้ท้องร่วง บำรุงน้ำเหลือง บำรุงกำลัง บำรุงเลือด


วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ไทรย้อยใบแหลมสมุนไพรบำรุงเลือด

ไทรย้อยใบแหลมสมุนไพรบำรุงเลือด

รูปลักษณะ : ไทรย้อยใบแหลม เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 10 เมตร มีรากอากาศ น้ำยางขาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปวงรี รูปใบหอกหรือรูปไข่แกมวงรี กว้าง 1.5-6 ซม. ยาว 3-12 ซม. ดอกช่อ เกิดภายในฐานรองดอก ที่มีรูปร่างกลมคล้ายผล ออกเป็นคู่ที่ซอกใบ แยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน ผลสด รูปกระสวย รูปไข่ รูปไข่กลับหรือรูปค่อนข้างกลม เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้มและแดงเข้มตามลำดับ



สรรพคุณของ ไทรย้อยใบแหลม : ราก เป็นยาบำรุงน้ำนม รากอากาศขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ (โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ มีปัสสาวะขุ่นข้น เหลืองหรือแดง มักมีอาการแน่นท้อง กินอาหารไม่ได้) ปัสสาวะพิการ (อาการปัสสาวะปวด หรือกะปริบกะปรอย หรือขุ่นข้น สีเหลืองเข้ม หรือมีเลือด) แก้กษัย (อาการป่วยที่เกิดจากหลายสาเหตุ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม ซูบผอม โลหิตจาง ปวดเมื่อย)

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ชะอมสมุนไพรบำรุงเลือด

ชะอมสมุนไพรบำรุงเลือด

 ลำต้น ชะอมเป็นไม้พุ่มขนาดย่อมไม่สูงมาก แต่เคยมีพบการพบชะอมในป่า ลักษณะเป็นต้นไม้ใหญ่ วัดเส้นรอบวงของลำต้นได้ 1.2 เมตร กิ่งก้านของชะอมมีหนามแหลม
 ใบ ลักษณะ เป็นใบประกอบขนาดเล็ก มีก้านใบแยกเป็นใบอยู่  2 ทาง ลักษณะคล้ายใบกระถิน (แยกได้โดยการสังเกตุดีๆหรือดมกลิ่น)  ใบอ่อนมีกลิ่น ฉุนคล้ายกลิ่นลูกสะตอแต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวนะครับ ใบเรียงแบบสลับใบย่อย ออกตรง ข้ามกัน ใบย่อรูปรี มีประมาณ 13-28 คู่ ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม ส่วนที่มักนำไปทานก็คือใบออ่นหรือยอกของชะอมนั่นเอง
ดอก ชะอมจะออกที่ซอกกิ่ง สีขาวหรือขาวนวล ดอกขนาดเล็กและเห็นชัด เฉพาะเกสรตัวผู้ที่เป็นฝอยๆ
 ผล เป็นฝัก มีขนาดเล็กกว่าฝักกระถิน
คุณค่าทางโภชนาการของชะอม
ชะอมเแป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่จัดว่าไม่เบาเลยทีเดียว โดยยอดชะอม 100 กรัม ให้สารอาหารต่างๆดังนี้

ให้พลังงานกับร่างกาย   57 กิโลแคลอรี่
มีเส้นใย ซึ่งมีส่วนช่วยระบบขับถ่ายอยู่ 5.7 กรัม
มีแคลแซียมซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูกและฟันอยู่ 58 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัสซึ่งช่วยให้วิตามินบีต่างๆทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพซึ่งมีอยู่ถึง 80 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็กซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเม็ดเลือด บำรุงโลหิต    4.1 มิลลิกรัม
มีวิตามินต่างๆดังนี้  วิตามินเอ(บำรุงสายตา) 10066 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.05 มิลลิกรัมวิตามินบีสอง 0.25 มิลลิกรัม ในอาซิน 1.5 มิลลิกรัม วิตามินซี 58 มิลลิกรัม
คุณค่าทางด้านสมุนไพรไทย

ใบชะอม (เน้นที่ใบหรือยอดอ่อน)   สามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายได้

รากชะอม   หากนำมาต้มรับประทาน  จะช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ลดกรด จุกเสียดแน่นท้องและขับลมในกระเพาะอาหาร

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ดอกคำฝอย สมุนไพรบำรุงเลือด


ดอกคำฝอย สมุนไพรบำรุงเลือด
เป็นไม้ที่สู้ไม่ถอย (ไม้ล้มลุก) สูงประมาณ 40-130 เซนติเมตร ขอบใบหยักเป็ลักษณะคล้ายฟันเลื่อย ปลายจะแหลม ปลูกง่าย ชอบอากาศเย็น มักขึ้นทางภาคเหนือของประเทศ

สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทย

ดอก มีรสหวาน สรรพคุณบำรุงโลหิต  บำรุงหัวใจ บำรุงระบบประสาท ขับประจำเดือน และที่สำคัญที่ทำให่ดอกคำฝอยเป็นที่นิยมคือสรรพคุณในการ ลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตัน    นอกจากนั้นในดอกแก่ยังใช้ทำเป็นสีในการปรุงแต่งอาหาร โดยวิธีการจะนำดอกที่แก่มาชงกับน้ำร้อน แล้วกรองจะได้สีเหลืองเข้ม นำไปผสมอาหารเช่นขนม โดยใช้ในปริมาณที่เหมาะสม นับว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

เกสร  บำรุงโลหิต  ช่วยในเรื่องประจำเดือนของสตรี

เมล็ด  มีสรรพคุณด้านสมุนไพรในการขับเสมหะ แก้โรคผิวหนัง หรือนำมาบด ทาแก้บวม

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เอี๊ ยะ บ่อ เช่า สรรพคุณ สมุนไพรบำรุงเลือด

เอี๊ยะบ่อเช่า และตังกุย สมุนไพรบำรุงเลือด  มีฮอร์โมนที่มีฤทธิ์คล้าย เอสโตรเจน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด บำรุงเลือด แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส


เอียะบ้อเช่าในภาษาจีนแต้จิ๋วหรืออี้หมู่เฉ่าในภาษาจีนกลาง เป็นพืชท้องถิ่นในเอเชีย ตั้งแต่เกาหลี ญี่ปุ่น จีน จนถึง กัมพูชา ลำต้นมีขนสั้นๆปกคลุมใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ขับสารพิษ ลดอาการบวม ทั้งต้นใช้เป็นยากระตุ้นการไหลเวียนเลือดและขับปัสสาวะ